business

เรียนต่อ MBA แล้วได้อะไร

MBA (Master of Business Administration) คือโปรแกรมที่หลายๆ คนสนใจที่จะเรียนแต่จริงๆแล้วอะไรกันแน่คือสิ่งที่เราได้รับจากการไปเรียนต่อ MBA? ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์กันถึงประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนต่อโปรแกรมนี้เพื่อช่วยให้น้องๆที่กำลังตัดสินใจจะเรียนต่ออยู่ได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะสมัครเรียนคณะนี้ดีไหม ความรู้ทางด้านธุรกิจ : ในหมวดนี้จะขอแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ 1) ความรู้ที่สอนในห้องเรียน 2) ความรู้ที่ได้จากสภาพแวดล้อมถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักของการเรียนต่อในหลายๆคณะ แต่สำหรับ MBA แล้วนี่กลับไม่ใช่เป้าหมายหลักขนาดนั้นครับ โดยเฉพาะนักเรียนที่จบมาด้านธุรกิจ หรือทำงานในสายธุรกิจอยู่แล้ว สำหรับนักเรียนที่ทำงานในสายอื่นๆ ตรงจุดนี้ยังมีประโยชน์มากอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ประโยชน์ที่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนต่อโปรแกรมนี้เพราะอะไร?สาเหตุหลักเลยเพราะวิชาที่เรียนกันนั้น แต่ละวิชาจะค่อนข้างซ้ำกับตอนเรียนปริญญาตรีด้านธุรกิจ และเนื่องจาก MBA เป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างจับฉ่าย ดังนั้นเนื้อหาในแต่ละวิชาจึงไม่ได้ลงลึกมาก เพราะต้องครอบคลุมเนื้อหาให้ได้หลากหลายแขนงตัวอย่างเช่นแต่ส่วนที่น่าจะมีประโยชน์มากคือการแสดงความคิดเห็น และการทำโปรเจคต่างๆ ซึ่งในห้องเรียนของเรานั้นจะมีเพื่อนที่มาจากหลากหลาย background มาก อย่างตอนที่ผมเรียนต่อที่อังกฤษนั้น เพื่อนๆก็มีทั้งเป็นทหารอเมริกา หมอจากอินเดีย consult จากเสปน ข้าราชการจากญี่ปุ่น นักธุรกิจจากอังกฤษ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งการทำโปรเจคหรือแสดงความคิดเห็นร่วมกับคนกลุ่มนี้จะทำให้เราได้ไอเดียที่หลากหลาย และ มองโลกได้กว้างขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการประกอบอาชีพในอนาคต โอกาสในการเข้าถึงความรู้และคนที่มีความรู้และประสบการณ์ ในการเข้าไปเรียน MBA นั้น นักเรียนจะมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและมีความรู้ลึกซึ้งในแขนงที่อาจารย์แต่ละท่านสอน ถ้าหากใครที่สนใจในแขนงไหน ก็สามารถไปขอคำปรึกษาไอเดีย หรือ โปรเจคที่ทำได้อย่างง่ายดายนอกจากนี้ในโปรแกรม …

เรียนต่อ MBA แล้วได้อะไร Read More »

CAT (Computer Adjusted Testing) ของ GMAT คืออะไร

ในการสอบ GMAT นั้น จะใช้ระบบ Computer Adjusted Testing คือ ยิ่งผู้สอบทำข้อสอบได้ดีระบบจะให้ข้อสอบยากขึ้นเรื่อยๆกับผู้สอบ และยิ่งทำได้ไม่ดีระบบจะคิดว่าผู้สอบไม่เก่งและจะให้ข้อสอบที่ง่ายขึ้น ดังนั้นการที่ทำๆอยู่แล้วรู้สึกว่าทำไมเจอแต่ข้อที่ทำได้ อาจจะไม่ได้สัญญาณที่ดีก็ได้ เพราะอาจจะแปลว่าข้อก่อนๆหน้านั้นเราทำได้ไม่ดีไปแล้ว ทำให้ระบบคิดว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งไปแล้วก็ได้ โดยคะแนนท้ายสุดของเรา เต็ม 51 จะออกมาได้เท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นคอมคิดว่าเราทำได้ดีและเก่งแค่ไหนในตอนจบ โดยระบบ CAT นี้จะอิงตามปัจจัยด้านล่างนี้คือ ส่วนแรกของข้อสอบทั้ง verbal และ math (8-10 ข้อแรก) ยังส่งผลต่อข้อสอบโดยรวมมากกว่าส่วนอื่นๆ เพราะเหมือนเป็น first impression ของการทำข้อสอบนี้ การที่ทำถูกติดกัน และ ผิดติดกันเยอะๆจะส่งผลมากกว่าการกระจายข้อผิด หรือข้อถูก การทำข้อสอบไม่เสร็จมีผลรุนแรงกับคะแนนรวม จากข้อมูลด้านบนนี้บอกอะไรเรา? ให้ความตั้งใจในการทำข้อสอบสิบข้อแรกให้ได้ตั้งแต่ 75% ขึ้นไปอาจจะให้เวลามากกว่าค่าเฉลี่ยเวลาแต่ละข้อนิดหน่อยก็เป็นไปได้ เพราะคอมจะคิดว่าเราเก่งและให้โจทย์ยากขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรฝึกทำโจทย์ระดับง่ายถึงกลางคล่องที่สุด เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีเป้าหมายให้ได้คะแนนสูง ถ้าเราทำข้อง่ายหรือกลางไม่ได้ เราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นโจทย์ยากในนั้นเลยก็ได้ เพราะระบบได้คิดว่าเราเป็นคนไม่ค่อยเก่งไปแล้ว พยายามให้ถูกติดกันเยอะๆ และกระจายข้อผิด อย่าผิดติดกันหลายข้อ ทำข้อสอบให้เสร็จ ถึงจะทำไม่ทันก็ควรมั่วให้เสร็จ  

Welcome to ExamHunter

0

error: Content is protected !!