ข้อสอบ EA (Executive Assessment) เป็นข้อสอบที่มีจุดประสงค์หลักคือให้ผู้บริหารที่มีความตั้งใจจะสมัคร Executive program เช่น Executive MBA สามารถสมัครเข้าเรียนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากถ้าเปรียบเทียบกันกับ GMAT (ซึ่งออกโดย GMAC เช่นเดียวกัน) ข้อสอบ EA เป็นข้อสอบที่ง่ายกว่าและใช้เวลาน้อยกว่าด้วยจึงเหมาะกว่าสำหรับผู้บริหารที่มีเวลาในการเตรียมตัวน้อย และ ห่างเหินจากการอ่านหนังสือหรือการเตรียมตัวสอบมาเป็นระยะเวลานาน
สาเหตุที่ทำไมคนถึงคิดว่าข้อสอบ EA ง่ายกว่า GMAT
- EA ให้ความสำคัญกับส่วน Integrated Reasoning มากกว่า GMAT ซึ่งผู้บริหารหรือผู้ทำทำงานในสายธุรกิจมักจะคุ้นเคยกับเนื้อหาในส่วนนี้อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวนาน
- ข้อสอบมีระยะเวลาที่น้อยกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้สอบมานานและไม่พร้อมจะทำข้อสอบที่เครียดและใช้เวลาในการสอบนานถึง 180 นาที (ถึงข้อสอบ GMAT จะมีการปรับให้สั้นลงแล้ว 30 นาทีในปี 2018 แต่ก็นับว่ามีความยาวมากกว่า EA ถึงหนึ่งเท่า)
- ข้อสอบ EA ไม่ได้เป็นรูปแบบ CAT แบบรายข้อแบบ GMAT แต่เป็นการปรับระดับความยากตาม section (section ละ 6 ข้อในส่วนของ IR และ 7 ข้อในส่วนของ quant / verbal)
- ข้อสอบ EA สามารถย้อนทวนกลับมาทำได้ภายใน section เดียวกัน ในขณะที่ข้อสอบ GMAT เมื่อก่อนตอบข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาทำข้อเดิมได้ (ซึ่งรวมถึงข้อสอบชนิด reading comprehension ด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็น passage เดียวกันก็ไม่สามารถย้อนกลับไปมาได้)
- ข้อสอบ EA มีเนื้อหาที่น้อยกว่า และหลายคนบอกว่าข้อสอบในภาพรวมง่ายกว่า GMAT (เช่น part math ของ EA จะไม่มีเนื้อหา geometry)
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้การสอบ EA สามารถทำได้ง่ายกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า GMAT ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากและใช้เวลาในการเตรียมตัวค่อนข้างเยอะ (2-3 เดือนเป็นอย่างต่ำ) จนหลายๆคนถึงขนาดท้อในการสมัครเรียนต่อไปเลย เพราะไม่สามารถได้คะแนน GMAT ถึงระดับที่ต้องการได้
ข้อสอบ EA สอบได้กี่ครั้งและ มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
ข้อสอบ EA สามารถสอบได้เพียง 2 ครั้งตลอดชีวิต และ มีค่าสอบ 350 USD (GMAT มีค่าสอบ 250 USD)
ถึงแม้ว่าจะแพงกว่า GMAT แต่ข้อสอบ EA สามารถเลื่อนวันสอบกี่ครั้งก็ได้ และ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเลื่อนวันสอบ
การสอบแต่ละครั้งต้องเว้น 16 วัน
https://www.gmac.com/executive-assessment/executive-assessment-online
แต่ถึงแม้ว่าข้อสอบ EA จะง่ายกว่า GMAT ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนควรจะทำการสอบ EA แทน GMAT เนื่องด้วย
- ข้อสอบ EA เป็นข้อสอบใหม่ และ ยังไม่มีอะไรเป็นมาตรวัดว่าควรได้คะแนนสูงแค่ไหน (ถึงแม้หลายคนจะบอกว่า 150 คะแนนเป็น magic number – คะแนนที่มหาวิทยาลัยคิดว่าผ่าน แต่เนื่องด้วยความใหม่ของข้อสอบทำให้ไม่มีอะไรการันตีว่าคะแนนนี้จะยังเป็นคะแนนที่เพียงพอในหลายๆปีหลังจากนี้)
- ยังมีมหาวิทยาลัยในโปรแกรม Full-time MBA ไม่เยอะนักที่ยอมรับข้อสอบ EA ในการสมัครเรียน
- ถึงแม้หลายๆโปรแกรมจะยอมรับในการใช้ข้อสอบ EA แทนข้อสอบ GMAT หรือ GRE แต่คนส่วนมากก็ยังคิดว่าการได้คะแนน GMAT สูงก็ยังได้รับการยอมรับมากกว่า EA
คำถามว่าในอนาคตเราควรเลือกสอบ GMAT หรือ EA ยังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้เพราะข้อสอบ EA เป็นข้อสอบที่ใหม่มาก และ Full-time MBA ในหลายๆที่เช่น MIT – Sloan และ NYU – Stern ก็เพิ่งจะเริ่มรับข้อสอบนี้มาเป็นตัวเลือกหนึ่งข้อสอบ ร่วมกับ GMAT และ GRE แต่ข้อดีของ EA คือมีเนื้อหาที่ทับซ้อนกับ GMAT เยอะมาก และหลายๆคนคิดว่าเป็นข้อสอบที่ง่ายกว่า (ขนาดที่บางคนเรียกกันว่าเป็น GMAT Lite) ดังนั้นคนที่เตรียมสอบ GMAT มาพอสมควรแล้วจึงมักจะได้คะแนนที่ดีในการทำข้อสอบ EA ด้วยเช่นกัน
ปรึกษาเกี่ยวกับการเตรียมสอบ EA, GMAT, GRE และการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยโดยทีมงานมืออาขีพได้ที่
Line ID: @primeeng
www.facebook.com/gmathunterprep
https://www.gmac.com/executive-assessment/about/why-take-the-executive-assessment
รายชื่อของโปรแกรม MBA ในมหาวิทยาลัยที่ใช้ EA ในการสมัครได้
https://www.gmac.com/executive-assessment/about/accepting-schools